ยังไหวอยู่เปล่า ! 6 จุดบอดของ สิงห์บลู ในเกมพ่าย จิ้งจอก
1.เสียประตูบ่อย
เชลซีเก็บคลีนชีตได้เพียง 17% ของเกมเยือนในพรีเมียร์ลีกภายใต้การคุมทัพของแฟรงค์แลมพาร์ด (5/29) ซึ่งน้อยกว่าบรรดากุนซือที่เคยผ่านมาโดยชนะเกมเยือนมากกว่า 10 เกมในการแข่งขัน ซึ่งถือว่าเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำที่สุดของผู้จัดการทีมเชลซีเลยก็ว่าได้
2.แนวรุกที่พึ่งพายังไม่ได้
พวกที่เคยเป็นตัวความหวังอย่างแทมมี่ อับราฮัม, ไค ฮาแวรตซ์, เมสัน เมาท์ และ คริสเตียน พูลิซิซ ที่หมายมั้นจะช่วยยกระดับทีมแต่ตอนนี้แค่เอาตัวรอดไปวันๆก็แย่แล้วโดยเฉพาะ ติโม แวร์เนอร์ ที่หายเข้ากลีบเมฆไปก่อนใครเพื่อนจนช่วงหลังต้องหลุดไปนั่งเป็นสำรอง
3.การทำเกมยังขาดๆเกินๆ
เห็นอยู่บ่อยครั้งว่าแท็กติกการเล่นของเชลซีไม่ค่อยปะติดปะต่อสักเท่าไหร่ ตัวไม่มีบอลไม่ค่อยวิ่งหาช่อง ทำแค่รอบอลจากเพื่อนร่วมทีมเท่านั้น ทำให้ผู้เล่นไม่สามารถใช้ศักยภาพของตัวเองได้เต็มประสิทธิภาพ
4.มิดฟิลด์ที่ไร้พิษสง
ในส่วนของแดนกลางก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ค่อนข้างอับเฉาของทีมสิงห์สำอางที่มักไม่ค่อยช่วยสนับสนุนเกมรุกของทีมเท่าที่ควร นอกจากการถ่ายบอลไปมา
การขาดเอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่เจ็บอยู่ทำให้ต้องวางกลางรับ 2 คน โดยใช้โควาซิช มาเป็นตัวตัดเกม ซึ่งธรรมชาติชาติของห้องเครื่องชาวโครแอตไม่ใช่มิดฟิลด์สไตล์นี้ ทำให้โดนเลสเตอร์เจาะได้บ่อยครั้ง
5.200 ล้านปอนด์กับที่ 8
หลังจากทุ่มงบไปถึง 200 ล้านปอนด์ พวกเขาถูกมองว่าต้องมาล่าแชมป์แบบไม่ต้องสงสัย แต่ทำไปทำมาเพิ่งชนะแค่ 8 เกม จาก 19 นัดอยู่ที่ 8 ซึ่งถ้ายังฟอร์มบู่ยังงี้คงหนีไม่พ้นอันดับ 10 แน่นอน
นักเตะอย่างติโม แวร์เนอร์, ไค ฮาแวร์ตซ์, คริสเตียน พูลิซิช หรือแม้แต่ ฮาคิม ซีเย็ค ที่มีฝีเท้าระดับพระกาฬกลายเป็นแข้งที่ไร้น้ำยา ซึ่งแปลกมากจากศักยภาพที่พวกเขามี
6.แลมยังไม่ใช่
แฟนบอลหรือใครหลายคนคงเห็นจากฟอร์มที่ไม่คงเส้นคงวาและรูปแบบแท็กติกการเล่นของทีมในการวางหมากของแลมพ์พาร์ดมาเป็นระยะเวลาสักพักใหญ่แล้ว ซึ่งจะเห็นได้ว่ามันไม่เวิร์ค แม้จะมีผู้เล่นที่เก่งกาจอยู่ในทีมมากมายแต่เขาไม่สามารถดึงพลังที่แท้จริงของนักเตะเหล่านั้นออกมาได้ ความจริงก็คือความจริง และไม่แน่ว่าข่าวที่ออกมาตลอดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้จัดการทีมมาโดยตลอดแต่ก็ยังไม่เกิดขึ้น บางทีมันอาจจะถึงเวลาของมันแล้วก็เป็นได้