5 สิ่งที่เกิดขึ้นกับ เรือ ในแมตช์บุกตบ เสือเหลือง ถึงถิ่น 2-1

1.เป็นคราวทีมจากอังกฤษบ้างละ

หลังจากที่ทั้งบาเยิร์น มิวนิคและอาร์บี ไลป์ซิกเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ไม่มีทีมใดของเยอรมันที่ผ่านเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายในซีซั่นนี้ แต่เป็นสโมสรจากเกาะอังกฤษ อย่างเชลซีและแมนฯ ซิตี้ ที่ตีตั๋วผ่านเข้ามาในรอบตัดเชือกเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 หนหลัง ต่อจากลิเวอร์พูลและสเปอร์สเมื่อปี 2018-19

 

2.นำทีมผ่านเข้ารอบรองอีกครั้ง

นี่เป็นครั้งที่ 8 ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่านายใหญ่ของซิตี้ที่พาทีมเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศของถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก และกลายเป็นกุนซือที่มีส่วนร่วมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของรายการนี้ในบรรดาผู้จัดการทีมเทียบเท่าโชเซ่ มูรินโญ่

 

3.ถึงเวลาสโมสรจากเมืองผู้ดี

สโมสรจากอังกฤษตกรอบด้วยน้ำมือทีมจากเยอรมนีในการแข่งขันรอบน็อกเอาต์ของถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก 12 ครั้ง รวมไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นจำนวนครั้งที่เท่ากันที่ทีมจากเมืองเบียร์จัดการทีมจากเกาะอังกฤษ และนี่ถือว่าเป็นครั้งแรกหรือก่อนหน้านั้นที่ทีมจากแดนแดนไส้กรอกกระเด็นตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย นับตั้งแต่เชลซีเอาชนะบาเยิร์น มิวนิกในรอบชิงชนะเลิศเมื่อปี 2011-12

 

4.เพิ่งจะยิงได้ในรอบเกือบ 2 ปี

ประตูตีเสมอของริยาด มาห์เรซในเกมนี้ถือว่าเป็นประตูแรกของเขาในถ้วยแชมเปียนส์ลีกนับตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2019 ทำให้หยุดสถิติที่ลงเล่น 14 นัดก่อนหน้านี้โดยที่ทำประตูไม่ได้เลยลงได้เสียที โดยปีกชาวแอลจีเรียของแมนเชสเตอร์ซิตี้ทำประตูในรายการนี้ไปแล้ว 3 ประตูซึ่งได้มาจากลูกจุดโทษทั้งหมด

 

5.ดาวรุ่งที่ทำประตูได้ทั้งไปกลับ

ฟิล โฟเด้น เป็นเพียงผู้เล่นคนที่ 2 ที่อายุต่ำกว่า 21 ปีที่ทำประตูได้ทั้ง 2 นัดในการแข่งขันรอบก่อนรองชนะเลิศของถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งเป็นแข้งล่าสุดที่ทำได้ต่อจาก คีเลียน เอ็มบัปเป้ ปี เมื่อปี 2016-17 ตอนที่อยู่โมนาโก รวมไปถึงดาวเตะอีกคนของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ในวัย 18 ปี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *