ฟุตบอลโลก 2022 เรื่องน่ารู้ที่แฟนบอลไม่ควรพลาด
มหกรรมการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022 กำลังจะรุดม่านเปิดฉากทำการแข่งขันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าที่ประเทศกาตาร์ และนี่คือเรื่องที่คุณอาจจะยังไม่รู้และจำเป็นต้องรู้ก่อนดูฟุตบอลโลก ครั้งที่ 22
ตารางคะแนนฟุตบอลโลก รอบรองชนะเลิศ

ตารางคะแนนฟุตบอลโลก รายกลุ่ม
ตารางแข่งฟุตบอลโลก รายกลุ่ม
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2022
สถิตินักเตะฟุตบอลโลก 2022
ตารางแข่งฟุตบอลโลก 2022
8 สนามที่ใช้ในการแข่งขันในฟุตบอลโลก 2022
ที่สุดของสนามการแข่งขันฟุตบอลโลกหนนี้ คือ ลูเซล โดยมีความจุมากถึง 80,000 ที่นั่ง และจะใช้ทำการแข่งขัน 10 เกมด้วยกัน และจะใช้สำหรับพิธีเปิดการแข่งขัน และแน่นอนว่าจะใช้แข่งขันในรอบชิงชนะเลิศอีกด้วย สนามแห่งนี้ ตั้งอยู่ห่างจากกลางกรุงโดฮา 10 ไมล์
โดยตัวสนามถูกออกแบบโดย บริษัทฟอสเตอร์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ บริษัทสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมชื่อดังในประเทศอังกฤษ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากแสงและเงาที่เกิดจากตะเกียงไฟสไตล์อาหรับ อันเป็นเอกลักษณ์ของตะเกียงให้แสงสว่าง และหากได้ลองมองจากด้านบนก็จะสามารถเห็นถึงส่วนโค้งและลาดเอียง ที่ทำให้เกิดรูปทรงหม้อต้มขนาดใหญ่
และที่น่าสนใจนั่นก็คือเมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลง บรรดาที่นั่งเกือบทั้งหมดจะถูกรื้อถอนออกไป โดยจะนำไปบริจาคให้กับหลายประเทศกำลังพัฒนา วัตถุประสงค์ก็คือการทำพื้นที่ชุมชนที่มีร้านค้า, คาเฟ่, สนามกีฬา และสถานศึกษา รวมไปถึงคลินิกสุขภาพ เนื่องจากเมืองลูเซล ไม่ต้องการมีสนามฟุตบอลตั้งอยู่ในเมืองไว้ครอบครองอีกต่อไปหลังจากฟุตบอลโลก 2022 สิ้นสุดลง
อัล จานอบ สเตเดี้ยม หรือชื่อเดิม อัลวาก์ราห์ สเตเดี้ยม สนามแห่งนี้รองรับความจุ 40,000 ที่นั่ง และจะใช้ทำการแข่งขัน 7 เกมด้วยกัน ออกแบบโดย เดม ซาฮา ฮาดิด (Dame Zaha Hadid) สถาปนิกชาวอังกฤษ-อิรัก ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจเมื่อปี 2016 ด้วยวัยเพียง 65 ปี เป็นผู้ออกแบบเอาไว้
การออกแบบสนามแห่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจมากจาก เรือใบ ที่ถูกเรียกขานว่า เรือโดว์ ซึ่งเป็นเรือโบราณตามแบบฉบับดั้งเดิมของประเทศกาตาร์ ที่เป็นเมืองท่าชายฝั่งมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตามหลังจากเผยพร่แบบร่างออกมาก็ถูกวิจารณ์และแสดงความคิดเห็นว่าดูคล้ายคลึงกับอวัยเพศผู้หญิงมากกว่าจะเป็น เรือใบ
สำหรับโครงสร้างของสนามแห่งนี้ถูกออกแบบให้มีความทันสมัยโดยสามารถเปิด-ปิด หลังคาได้ พร้อมระบบทำความเย็น เพื่อให้สามารถใช้จัดการแข่งขัน รวมไปถึงอีเวนท์ต่าง ๆ ได้ตลอดทั้งปีแม้กระมั่งในช่วงที่อากาศร้อนจัด อย่างไรก็ตามหลังจบการแข่งขันฟุตบอลโลกหนนี้ ที่นั่งในสนามจำนวนกว่า 2 หมื่นที่นั่ง จะถูกรื้อถอนออกไปนำไปบริจาคเช่นเดียวกันกับสนามลูเซล
อัล บายต์ สเตเดี้ยม รองรับความจุมากถึง 60,000 ที่นั่ง โดยจะใช้แข่งขันจำนวน 8 เกมด้วยกัน ตั้งแต่รอบแรกไปจนถึงรอบรองชนะเลิศเลยทีเดียว
สนามแห่งนี้ถูกออกแบบโดย ดาร์ อัล-ฮานดาซาห์ (Dar Al-Handasah) ซึ่งความตั้งใจหลักของเขาคือให้ตัวสนามแสดงถึงการต้อนรับอย่างมิตรไมตรีของชาวอาหรับ ด้วยรูปแบบและโครงสร้างสนามที่ดูคล้ายคลึงกับเต็นต์สไตล์อาหรับที่เรียกว่า บาย อัล ซา’อาร์
และแม้จะอยู่ในช่วงเดือน พฤศจิกายน ที่อุณหภูมิอาจจะพุ่งสูงถึง 30 องศา สนามแห่งนี้ก็มาพร้อมหลังคาที่สามารถ ปิด-เปิด ได้ และตัวหลังคาป้องกันความร้อนได้เป็นอย่างดี
และด้วยสนามแห่งนี้เป็นสนามที่ใกล้กับกรุงโดฮาเมืองหลวงมากที่สุดแห่งหนึ่ง แน่นอนว่าบริเวณนั้นเต็มไปด้วยโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว แหล่งช็อปปิ้งชั้นเลิศ
สนาม อาห์มัด บิน อาลี รองรับความจุได้ 40,000 ที่นั่ง โดยจะใช้แข่งขันจำนวน 7 เกมด้วยกัน ไปจนถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย
สนามแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่จากสนามเดิมการออกแบบมีความต้องการที่จะสื่อถึงวัฒนธรรมของประเทศกาตาร์ด้านหน้าของสนามมีลวดลายและแพทเทิร์นที่ดูแล้วซับซ้อน ว่ากันว่าสื่อถึงเรื่องราวของประเทศแห่งนี้ ที่พัฒนาจากชีวิตในป่าเขาจนมาถึงประวัตศาสตร์แห่งการค้า และด้วยที่ตั้งของสนามแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณกลางทะเลทราย พื้นที่ต้อนรับและร้านค้ารอบ ๆ สนามจะถูกออกแบบให้ดูแล้วมีความคล้ายกับเนินทราย
สนาม เอดูเคชัน ซิตี้ แห่งนี้รองรับความจุได้ 40,000 ที่นั่ง และจะใช้แข่งขัน 8 เกมด้วยกัน ไปจนถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยสนามแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากศูนย์กลางเมืองหลวงโดฮาเพียงแค่ 6 ไมล์เท่านั้น ออกแบบโดย บริษัท เอฟไอเอ เฟนวิค อิริบาร์เรน อาร์คิเทคต์ส
รูปแบบสนามถูกออกแบบไม่มีความซับซ้อนอะไรมากรูปทรงเหมือนเพชร โดยมีความตั้งใจให้สนามแห่งนี้มีความระยิบระยับทั้งในตอนกลางวันและตอนกลางคืน จึงมีอีกชื่อเรียกว่า – เพชรแห่งทะเลทราย –
นอกจากนั้นแล้ว สนามแห่งนี้ยังเคยถูกใช้เป็นสังเวียนฟาดแข้งรายการ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2021 หรือชิงแชมป์สโมสรโลก นัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค และ ติเกรส มาแล้ว
สนาม อัล ธูมามา รองรับความจุได้ 40.000 ที่นั่งและจะใช้แข่งขัน 8 เกมด้วยกัน ไปจนถึงรอบก่อนรองชนะเลิศออกแบบโดย อิบราฮิม อัล ไจดาห์ สถาปนิกชาวกาตาร์ โดยได้แรงบันดาลใจมาจาก Gahfiya – กาบิเยาะห์ หมวกอาหรับสำหรับผู้ชายที่เชื่อกันว่าเราต่างก็คงจะเคยเห็นกันจนชินตา และเหนือสิ่งอื่นใดนี่คือสนามแข่งขันฟุตบอลโลกแห่งแรกที่ทำการออกแบบโดยสถาปนิกชาวกาตาร์อีกด้วย
นอกจากนั้นแล้วภายในสนามยังมีโรงแรมและมัสยิดไว้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย และเช่นเคยหลังจากจบทัวร์นาเมนต์ เก้าอี้จำนวนกว่าครึ่งของสนามจะถูกรื้อถอนเพื่อนำไปบริจาคให้กับเหล่าประเทศกำลังพัฒนา
สนาม 974 รองรับความจุได้ 40,000 ที่นั่ง และจะใช้แข่งขัน 7 เกม ไปจนถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย
ได้รับการออกแบบโดย FIA Fenwick Iribarren Architecs – เอฟไอเอ เฟนวิค อิริบาร์เรน อาร์คิเทคต์ส และนี่ถือเป็นครั้งแรกของฟุตบอลโลกเลยทีเดียว สำหรับการใช้ตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 974 ตู้ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อสนาม ก่อสร้างสนามนี้ขึ้นมา และสนามแห่งนี้สามารถรื้อถอนได้อย่างง่ายดายจากโครงสร้างและวัสดุต่าง ๆ หลังจบการแข่งขัน
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะเป็นสนามฟุตบอลแค่เพียงชั่วคราว แต่ก็มีจุดเด่นให้ได้เชยชมในด้านความสวยงามของพื้นที่โดยรอบ เนื่องจากภายนอกของสนามสามารถมองเห็น โดฮา คอร์นิค และเส้นขอบฟ้าของเวสต์ เบย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ริมชายฝั่งสถานที่พักผ่อนยาวค่ำคืนอันโด่งดัง
และประเด็นที่น่าสนใจนั่นก็คือเรื่องของเป้าหมายของการสร้างสนามคือใช้วัสดุอุปกรณ์น้อยชิ้นมากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ เพื่อลดของเสียและการปล่อยพลังงานออกมา
คาลิฟา อินเตอร์เนชั่นแนล สเตเดี้ยม รองรับความจุได้ 45,416 ที่นั่ง ใช้สำหรับการแข่งขัน 8 นัด และจะใช้สำหรับนัดชิงอันดับ 3 ด้วย
สนามแห่งนี้ถือเป็นแห่งเดียวที่มีการก่อสร้างขึ้นก่อนฟุตบอลโลก 2022 จะประกาศเจ้าภาพ โดยเป็นสนามกีฬาแห่งชาติของกาตาร์ที่สร้างเมื่อปี 1976 และเคยผ่านการจัดการแข่งขันกีฬาระดับชาติมาแล้วหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น เอเชียน เกมส์, กัล์ฟ คัพ, เอเอฟซี เอเชียนคัพ รวมทั้งการแข่งขันกรีฑา ไอเอเอเอฟ เวิลด์ แอธเลติก แชมเปียนชิพ 2019
นอกจากนั้นแล้ว ทีมชาติอังกฤษ ยังเคยลงสนามฟาดแข้งกับ บราซิล ที่สนามแห่งนี้ ในเกมกระชับมิตรเมื่อปี 2009 และ ลิเวอร์พูล มาคว้าแชมป์สโมสรโลกที่สนามแห่งนี้ในอีก 10 ปีให้หลัง เมื่อปี 2019 นั่นเอง
แน่นอนว่าสนามแห่งนี้ถูกปรับปรุงให้ดูใหม่และทันสมัยกว่าเดิมเพื่อรองรับการแข่งขันฟุตบอลโลกหนนี้
รู้หรือไม่ 7 ใน 8 สนามที่ใช้แข่งขัน ก่อสร้างใหม่ทั้งหมด สร้างจากอะไรและสนามไหนบ้าง?
คงจะทราบกันบ้างแล้วว่ามีสนามไหนบ้างที่ใช้ในการแข่งขัน โดยการแข่งขันฟุตบอลโลกหนนี้เจ้ากาตาร์ไม่ยอมน้อยหน้า ทุ่มงบมหาศาลสร้างสนามขึ้นมาใหม่ถึง 7 สนาม จากทั้งหมด 8 สนามที่ใช้แข่งขัน อัดแน่นไปด้วยคุณภาพและยังเตรียมการสำหรับอากาศที่ร้อนจัดในช่วงเดือนพฤศจิกายนอีกด้วย ด้วยการติดแอร์แบบฉ่ำ ๆ เต็มสนาม พร้อมกับออกแบบให้สนามมีหลังคาที่สามารถ ปิด-เปิด ได้เพื่อกันความร้อน
และหลังจากจบทัวร์นาเมนท์ทางเจ้าภาพยังมีแผนรื้อถอนเก้าอี้บางส่วนนำไปบริจาคให้กับประเทศกำลังพัฒนาเพื่อใช้ประโยชน์ต่อไปอีกด้วย และไฮไลต์น่าสนใจคือสนาม 974 สเตเดี้ยม ที่โครงสร้างหลักมาจากตู้คอนเทนเนอร์ 974 ตู้ และวัสดุต่าง ๆ ที่วัตถุประสงค์ ใช้วัสดุอุปกรณ์น้อยชิ้นมากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ เพื่อลดของเสียและการปล่อยพลังงานออกมา นอกจากจะใส่ใจโลกแล้วพวกเขายังแบ่งปันให้กับหลาย ๆ ประเทศอีกด้วย
ลูกฟุตบอลประจำการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ชื่อและความหมาย

ลูกฟุตบอลโลก 2022 ทำการเปิดตัวออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีชื่อว่า Al Rihla – อัล ริห์ลา ภายใต้การดูแลและผลิตโดย อาดิดาส และถือเป็นนวัตกรรมล่าสุดจาก อาดิดาส อีกด้วย เปี่ยมล้นไปด้วยคุณสมบัติทั้งเรื่องของความเร็วในการเคลื่อนที่บนอากาศและความแม่นยำสูงสุด โดยพื้นผิวลูกฟุตบอลทำจากวัสดุโพลียูรีเทน (Polyurethane) มีผิวสัมผัสขนาดเล็กบนชิ้นส่วนรูปแบบใหม่จำนวน 20 ชิ้น โดยจะช่วยพัฒนาความแม่นยำ เสถียรภาพของการเคลื่อนที่ในอากาศ และการยิงลูกฟุตบอลแบบโค้งให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลูกฟุตบอล อัล ริห์ลา ถูกออกแบบและผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยี CTR-Core และ Speedshell
CTR-CORE – แกนกลางแบบใหม่ที่อยู่ภายในลูกบอลที่มีการพัฒนาเพื่อเพิ่มความแม่นยำ ความมั่นคง และความเร็วในการเล่นเพื่อตอบโจทย์เกมที่เร็ว อีกทั้งรูปทรงและการกักเก็บอากาศภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
SPEEDSHELL – ในส่วนของพื้นผิวลูกฟุตบอลทำจากวัสดุโพลียูรีเทน โดยมีผิวสัมผัสขนาดเล็กบนชิ้นส่วน 20 ชิ้นเป็นรูปแบบใหม่ โดยจะปรับปรุงพัฒนาในเรื่องของความแม่นยำ รักษาสมดุลเสถียรภาพของการเคลื่อนที่เวลาอยู่ในอากาศ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการยิงลูกฟุตบอลแบบโค้งให้เข้าเป้าและแม่นยำมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าคงสร้างความลำบากให้กับบรรดาผู้รักษาประตูพอสมควร
นอกเหนือจากประสิทธิภาพที่เพิ่มมาแล้วทาง อาดิดาส ยังออกแบบ ลูกฟุตบอล อัล ริห์ลา อย่างพิถีพิถันโดยมุ่งเน้นไปที่การใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้น้ำหมึกและกาวที่มีส่วนผสมหลักจากน้ำ และแน่นอนว่านี่ถือว่าเป็นลูกฟุตบอลลูกแรกของการแข่งขันฟุตบอลโลกที่ใช้การผลิตในลักษณะนี้
ในส่วนของลวดลายและสีสันที่สวยงามแสดงถึงความรวดเร็วและความเข้มข้นและตื่นเต้นของการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยกระตุ้นความตื่นเต้นให้กับผู้เล่นที่อยู่ในสนามรวมไปถึงแฟนบอลจากทั่วทุกมุมโลก โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรม อีกทั้งรูปทรงของเรือที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และธงประจำชาติกาตาร์ประเทศเจ้าภาพนั่นเอง
โดยคำว่า Al Rihla – อัล ริห์ลา มาจากภาษาอาหรับ ซึ่งความหมายในภาษาอังกฤษคือ The Journey หรือแปลเป็นไทยคือ การเดินทาง
ทีมเต็ง ถูกจับตามองมีโอกาสคว้าแชมป์ในฟุตบอลโลก 2022
เจ้าของแชมป์ครั้งล่าสุดอย่างตราไก่ฝรั่งเศส ยังคงอยู่ในข่ายป้องกันแชมป์ได้ ด้วยขุมกำลังที่ช่วงวัยกำลังอยู่ในจุดพีคหลายคน อีกทั้งดาวยิงตัวเก่งของทีมอย่าง คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ยังคงท็อปฟอร์มต่อเนื่องไม่มีแผ่ว อย่างไรก็ตามการป้องกันแชมป์ในศึกฟุตบอลโลกยังคงเป็นเรื่องยากเสมอ โดยบ่อนรับแทงพนันถูกกฎหมายจากแดนผู้ดี อย่าง Oddschecker ได้ทำการตั้งเรทราคาต่อรองของทีมเต็งที่มีโอกาสก้าวไปคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022
อัตราต่อรองแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ล่าสุด โดย Oddschecker

บราซิล 11/2

ฝรั่งเศส 7/1

สเปน 9/1

อังกฤษ 6/1

อาร์เจนตินา 10/1

เยอรมนี 12/1
ทีมม้ามืด ที่ควรจับตามอง
ทีมม้ามืดประจำทัวร์นาเมนต์ใหญ่มักจะมีเสมอและเกือบจะทุกครั้งในการแข่งขันฟุตบอลโลกก็มักจะมีทีมคลื่นใต้น้ำโชว์ฟอร์มเซอร์ไพร์สแฟนบอลและคู่แข่งเสมอ
– เซเนกัล เป็นทีมแรก ๆ ที่ควรจับตามองมากที่สุด เจ้าของแชมป์ทวีปแอฟริกา ที่มีกองหน้าซูเปอร์สตาร์ อย่าง ซาดิโอ มาเน่ นำทัพ ผลงานของพวกเขาถือว่าอยู่ในช่วงมั่นใจแบบสุดขีดความเข้าใจและระบบการเล่นของทีมนี้ประมาทไม่ได้
– แคนาดา เป็นอีกทีมที่น่าสนใจไม่แพ้กัน พวกเขาการันตีการผ่านเข้ามาเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายด้วยการเป็นทีมแรกจากโซน คอนคาเคฟ แคนาดา ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ จอห์น เฮิร์ดแมน มีผลงานอย่างยอดเยี่ยม โดยมีสถิติลงแข่ง 13 เกมชนะ 8, เสมอ 4 และแพ้เพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น นอกจากนั้นแล้วการได้เข้าไปเล่นฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายของ แคนาดา ถือเป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์วงการลูกหนังของประเทศ โดยก่อนหน้านี้พวกเขาเคยได้สัมผัสฟุตบอลโลกครั้งแรกมาแล้วในปี 1986 ที่ประเทศเม็กซิโก หรือ 36 ปีที่แล้ว
– กาตาร์ แม้ว่าจะการันตีการเข้ารอบมาด้วยการเป็นเจ้าภาพ แต่ด้วยศักยภาพและการเป็นเจ้าบ้าน ทีมนี้ก็อยู่ในข่ายที่น่าจับตามอง
– เวลส์ ทีมนี้ผลงานของพวกเขาไม่ได้สวยหรูหรือน่านใจอะไรมาก แต่ด้วยใจที่สู้แบบไม่ยอมแพ้จนสามารถคว้าตั๋วมาลุยฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายได้สำเร็จในรอบ 64 ปี เชื่อว่าจะเป็นแรงส่งให้พวกเขางัดทุกอย่างที่มีออกมาสู้ และทีมที่สู้มาก ๆ แบบนี้แหล่ะ ประมาทไม่ได้เลย
ตัวเต็งดาวซัลโวที่ลงเล่นฟุตบอลโลก 2022
อีกหนึ่งรางวัลที่น่าจับตามองนั่นก็คือรางวัลรองเท้าทองคำหรือดาวยิงสูงสุดของทัวร์นาเมนต์นี้ เพราะถือเป็นศักดิ์ศรีและความสำเร็จของนักเตะแบบที่น้อยคนจะมีโอกาสก้าวไปจนตรงนั้น โดยเจ้าของรางวัลคนล่าสุดอย่าง แฮร์รี่ เคน ยังคงอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเจ้าตัวจะยังคงได้โอกาสไปลุยบอลโลกกับทัพสิงโตคำราม หนนี้ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามการจะป้องกันรางวัลนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย และนี่คือตัวเต็งที่มีโอกาสก้าวไปคว้ารางวัลดาวซัลโวฟุตบอลโลกหนนี้ และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดพวกเขาเหล่านี้จะร่วมสู้ศึกฟุตบอลโลกหนนี้อย่างแน่นอน
ผู้เล่นที่น่าจับตามองในฟุตบอลโลก 2022
แน่นอนว่าทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก ถือเป็นเวทีใหญ่ที่มักจะมีการแจ้งเกิดนักเตะธรรมให้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ลูกหนังเสมอแทบจะทุกครั้งเลยก็ว่าได้ สำหรับปีนี้มีผู้เล่นหลายคนที่น่าจับตามองรวมไปถึงดาวรุ่งที่ทำผลงานได้ดีกับสโมสรหลายราย

จู๊ด เบลลิงแฮม (อังกฤษ) ด้วยวัยเพียง 19 ปี เบลลิงแฮม ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ได้อย่างไม่ยากเย็นด้วยผลงานและความมั่นใจที่เกินวัย

จามัล มูเซียล่า (เยอรมัน) ดาวเตะในวัย 19 ปี อยู่ในช่วงที่ทำผลงานได้น่าประทับใจกับ บาเยิร์น มิวนิค และได้โอกาสติดทีมชาติเยอรมันชุดใหญ่เรียบร้อยแล้ว

โจนาธาน เดวิด (แคนาดา) กองหน้าในวัย 22 ปี ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมนอกจากจะพา แคนาดา ผ่านเข้ามาเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้สำเร็จแล้ว เจ้าตัวยังยิงให้กับ ลีลส์ ต้นสังกัดปัจจุบันในลีก เอิง ได้ถึง 18 ประตู จากการลงสนาม 46 เกมในทุกรายการ
ซน ฮึง มิน (เกาหลีใต้) ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นล่าสุด เป็นอีกคนที่น่าจับมองว่าเข้าจะสามารถพาทัพโสมขาวไปไกลได้ถึงรอบไหนในฟุตบอลโลกหนนี้

กาบี้ (สเปน) กองกลางจอมทักษะในวัยเพียง 18 ปี ก้าวขึ้นมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ บาร์เซโลน่า และถูกคาดหวังว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักกับ เจ้าบุญทุ่มในอนาคต นอกจากนี้ในนามทีมชาติเจ้าตัวก็ได้รับโอกาสติดธงกระทิงดุชุดใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ

ฮัสซัน อัล ไฮดอส (กาตาร์) กองหน้ากัปตันทีมชาติกาตาร์ ในวัย 31 ปี เป็นคนที่น่าจับตามองว่าเขาจะสามารถพาเจ้าถาพไปไกลถึงรอบไหน ฤดูกาลล่าสุดเจ้าตัวยิงประตูในนามสโมสรไปทั้งหมด 8 ประตูจากการลงสนาม 25 เกมในทุกรายการ

การถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก 2022
สำหรับการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกหนนี้ในประเทศไทยยังไม่มีการยืนยันหรือเปิดเผยแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามทางฝั่ง BBC และ ITV จะรับหน้าที่ถ่ายทอดสดให้แฟนบอลในสหราชอาณาจักรได้รับชม ส่วน Fox และ Telemundo สองสถานีชั้นนำแทบลาตินอเมริกาจะถ่ายทอดสดให้แฟนบอลในอเมริกาได้รับชม




กรรมการหญิงลงเป่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก
ทาง FIFA ได้ทำการประกาศรายชื่อกรรมการที่จะเข้าร่วมตัดสินการแข่งขันครั้งนี้ออกมาเรียบร้อยแล้ว โดยมีกรรมการที่เป็นผู้หญิง 3 คน และผู้ช่วยอีก 3 คน ผู้ตัดสินหญิง 3 คน ประกอบไปด้วย สเตฟฟานี่ แฟร็ปพาร์ต จากฝรั่งเศส, ซาลิม่า มูกันซานก้า จากรวันดา และ โยชิมิ ยามาชิตะ จากญี่ปุ่น และสำหรับผู้ช่วยผู้ตัดสินและ วีเออาร์ หญิงมี 3 คน ประกอบไปด้วย นูซ่า แบ็ค จากบราซิล, คาเรน ดิอาซ เมดิน่า จากเม็กซิโก และ แคธรีน เนสบิตต์ จากสหรัฐอเมริกา



นี่เป็นครั้งสุดท้ายของฟุตบอลที่จะมี 32 ทีม
นี่จะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายที่จะมีทีมเข้าร่วมแข่งขันในรอบสุดท้าย 32 ทีม เนื่องจากล่าสุดทาง FIFA ยืนยันแล้วว่าฟุตบอลโลกครั้งถัดไปหรือปี 2026 จะเพิ่มทีมเข้าร่วมรอบสุดท้ายเป็น 48 ทีมด้วยกัน การแข่งขันจะเริ่มแบบ 3 ทีม 16 กลุ่ม จากนั้นสองทีมที่ดีที่สุดของแต่ละกลุ่มจะไปเล่นรอบ 32 ทีมสุดท้ายแบบแพ้คัดออก จำนวนเกมส์การแข่งขันจะเพิ่มจาก 64 เป็น 80 นัด แต่เกมส์รอบสุดท้าย (รอบก่อนรองชนะเลิศ รองชนะเลิศ ชิงอันดับสาม และชิงชนะเลิศ) จะยังเป็น 7 นัดเหมือนเดิม และจะจัดการแข่งขันทั้งหมด 32 วันเช่นเดิม
คู่ชิงในฝันของคุณเป็นทีมไหน ?
เชื่อว่าคู่ชิงในฝันของใครหลายคนคงหนีไม่พ้นการพบกันของ อาร์เจนติน่า และ โปรตุเกส สองทีมชาติที่มียอดนักเตะแห่งยุคอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เชื่อกันว่าฟุตบอลโลกครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจะเข้าร่วม และเป็นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ที่สุดที่พวกเขาทั้งคู่ยังไม่เคยก้าวไปถึงการเป็นแชมป์

ฟุตบอลโลกครั้งแรกในโลก อาหรับ
ฟุตบอลโลกหนี้ถือเป็นการจัดการแข่งขันในดินแดนอาหรับครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยช่วงที่ผ่านมามีการจัดการแข่งขันมาแล้วทุกทวีปทั่วโลก หลากหลายวัฒนธรรมและศาสนา แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกในโลกอาหรับที่ประเทศกาตาร์ แน่นอนว่า กาตาร์ ลงทุนลงแรงอย่างมหาศาลเพื่อหวังสร้างความประทับใจให้แก่แฟนบอลทั่วโลกที่เดินทางมาชมด้วยตนเองและส่งไปถึงแฟน ๆ ที่รับชมจากทางบ้านทั่วทุกมุมโลก
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า การได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพฟุตบอลของ กาตาร์ กลายเป็นที่ครหาของวงการ เนื่องจากที่ผ่านมา กาตาร์ พวกเขาไม่เคยมีปูมหลังกับความสำเร็จในด้านวงการฟุตบอล อีกทั้งเรื่องของสภาพอากาศที่ กาตาร์ ก็ไม่เหมาะสมกับการจัดแข่งฟุตบอล จนต้องมีการปรับเปลี่ยนเวลาไปเตะกันในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ฟุตบอลโลกไม่ได้จัดในช่วงกลางปี นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า กาตาร์ ใช้เงินมหาศาล ติดสินบนเจ้าหน้าที่ระดับสูง เพื่อให้ได้สิทธิ์จัดการแข่งขันในฐานะเจ้าภาพเดี่ยว
เพลงฟุตบอลโลก 2022
Hayya Hayya (Better Together) – เฮย์ย่า เฮย์ย่า สำหรับเพลงนี้ขับร้องโดย ไอชา ศิลปินชื่อดังของประเทศ กาตาร์ ร่วมกับสองศิลปินจากอเมริกา อย่าง ตรินิแดด คาร์โดน่า, ดาวิโด้ และ อิช่า โดยเพลงนี้เป็นการผสมผสาน เสียงร้องจากทวีปอเมริกา, แอฟริกา และตะวันออกกลางมารวมกันอย่างลงตัว จึงทำให้เพลงนี้เป็นสัญลักษณ์ถึงการที่ดนตรีและโลกของฟุตบอลที่สามารถผสมผสานและผนึกรวมโลกเป็นหนึ่งเดียวกันได้
ประเทศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในฟุตบอลโลก
น่าเสียดายที่ฟุตบอลโลกครั้งนี้ทีมชาติ อิตาลี เจ้าของแชมป์ 4 สมัย ยังคงไม่ได้ผ่านเข้ามาเล่นในรอบ
– สเปน, อังกฤษ, ฝรั่งเศส 1 สมัย
– อาร์เจนติน่า, อุรุกวัย, ฝรั่งเศส 2 สมัย
– อิตาลี, เยอรมนี 4 สมัย
– อันดับ 1 บราซิล 5 สมัย
ดาวซัลโวสูงสุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก
มิโรสลาฟ โคลเซ่ (เยอรมนี) – 16 ประตู
โรนัลโด้ R9 (บราซิล) – 15 ประตู
เกิร์ด มุลเลอร์ (เยอรมนีตะวันตก) – 14 ประตู
จัสท์ ฟงแตน (ฝรั่งเศส) – 13 ประตู
เปเล่ (บราซิล) – 12 ประตู
ซานเดอร์ ค็อกซิส (ฮังการี) – 11 ประตู
เจอร์เก้น คลินส์มันน์ (เยอรมนี) – 11 ประตู
เฮลมุท ราห์น (เยอรมนีตะวันตก) – 10 ประตู
แกรี่ ลินิเกอร์ (อังกฤษ) – 10 ประตู
กาเบรียล บาติสตูต้า (อาร์เจนตินา) – 10 ประตู
ทำเนียบแชมป์ฟุตบอลโลก

ครั้งที่ 1 ปี ค.ศ. 1930 ประเทศอุรุกวัย
ครั้งที่ 2 ปี ค.ศ.1934 ประเทศอิตาลี
ครั้งที่ 3 ปี ค.ศ.1938 ประเทศอิตาลี
ครั้งที่ 4 ปี ค.ศ.1950 ประเทศอุรุกวัย
ครั้งที่ 5 ปี ค.ศ.1954 ประเทศเยอรมนีตะวันตก
ครั้งที่ 6 ปี ค.ศ.1958 ประเทศบราซิล
ครั้งที่ 7 ปี ค.ศ.1962 ประเทศบราซิล
ครั้งที่ 8 ปี ค.ศ.1966 ประเทศอังกฤษ
ครั้งที่ 9 ปี ค.ศ.1970 ประเทศบราซิล
ครั้งที่ 10 ปี ค.ศ.1974 ประเทศเยอรมนีตะวันตก
ครั้งที่ 11 ปี ค.ศ.1978 ประเทศอาร์เจนตินา
ครั้งที่ 12 ปี ค.ศ.1982 ประเทศอิตาลี
ครั้งที่ 13 ปี ค.ศ.1986 ประเทศอาร์เจนตินา
ครั้งที่ 14 ปี ค.ศ.1990 ประเทศเยอรมนีตะวันตก
ครั้งที่ 15 ปี ค.ศ.1994 ประเทศบราซิล
ครั้งที่ 16 ปี ค.ศ.1998 ประเทศฝรั่งเศส
ครั้งที่ 17 ปี ค.ศ.2002 ประเทศบราซิล
ครั้งที่ 18 ปี ค.ศ.2006 ประเทศอิตาลี
ครั้งที่ 19 ปี ค.ศ.2010 ประเทศสเปน
ครั้งที่ 20 ปี ค.ศ.2014 ประเทศเยอรมนี
ครั้งที่ 21 ปี ค.ศ.2018 ประเทศฝรั่งเศส

เจ้าภาพฟุตบอลโลกครั้งถัดไป
สำหรับเจ้าภาพครั้งถัดไปได้มีการยืนยันเรียบร้อยแล้ว โดยจะมี 3 ชาติ สหรัฐอเมริกา, เม็กซิโก และ แคนาดา เป็นเจ้าภาพร่วม โดยมีทั้งหมด 16 สนามรองรับการแข่งขัน สหรัฐอเมริกา จะใช้ 11 สนามเป็นสังเวียน เม็กซิโก 3 สนาม และ แคนาดา 2 สนาม