“เคนนี่” สารคดีสะเทือนใจ: เจาะลึกสายใย “คิงเคนนี่” กับลิเวอร์พูล และโศกนาฏกรรมฮิลส์โบโร่
BK8 – ในยุคสมัยที่ “ความใกล้ชิด” กลายเป็นเรื่องดาษดื่นบนโลกโซเชียล การได้ย้อนเวลากลับไปสัมผัสชีวิตของฮีโร่ลูกหนังในยุค 70 อย่าง เซอร์ เคนนี่ ดัลกลิช ผ่านภาพยนตร์สารคดีเรื่องใหม่ของผู้กำกับมือรางวัล อซีฟ คาปาเดีย (เจ้าของผลงาน Senna, Amy, Diego Maradona) จึงเปรียบเสมือนการเดินทางอันน่าหลงใหลและเปี่ยมด้วยมนต์ขลัง – แทงบอล
ภาพยนตร์เรื่อง “Kenny” ไม่ใช่แค่การรวบรวมฟุตเทจเก่าๆ แต่คือการพาผู้ชมดำดิ่งลงไปในความทรงจำและเสียงบรรยายของ “คิงเคนนี่” เอง เปิดเปลือยแง่มุมที่เราอาจไม่เคยรับรู้มาก่อน เราจะได้เห็นความเปราะบางของชายผู้ถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะฟ้าประทาน อย่างเช่นตอนที่เขาสารภาพว่า “กลัวจนตัวสั่น” และต้องแกล้งก้มลงผูกเชือกรองเท้าเพื่อตั้งสติ ก่อนจะยิงจุดโทษตัดสินเกม โอลด์ เฟิร์ม ดาร์บี้
คาปาเดียยังคงรักษามาตรฐานการเล่าเรื่องอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาได้อย่างยอดเยี่ยม การคัดสรรฟุตเทจเก่าๆ ถูกทำอย่างละเมียดละไมราวกับภาพวาด เราจะได้เห็นภาพครอบครัวดัลกลิชในช่วงคริสต์มาส หรือฟัง แกรม ซูเนสส์ เล่าเรื่องขำขันที่เขาชอบพาลูกสาวตัวน้อยของเคนนี่ (เคลลี่ ดัลกลิช ซึ่งต่อมากลายเป็นพิธีกรชื่อดัง) ไปเดินสวนสาธารณะเพื่อหวังจะจีบสาว
แม้ภาพยนตร์จะเปิดเรื่องด้วยเพลงของ The Beatles และเรื่องราวในกลาสโกว์ที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ซึ่งอาจดูเป็นสูตรสำเร็จ แต่มันก็ถูกนำเสนอด้วยมุมมองที่น่าสนใจผ่านสายตาของดัลกลิชเอง เขายังคงมีท่าที “ถ่อมตน” ราวกับไม่เชื่อว่าจะมีใครสนใจเรื่องราวชีวิตของเขา ซึ่งเป็นบุคลิกที่สะท้อนออกมาตลอดทั้งเรื่อง และยังเชื่อมโยงไปถึงภาพลักษณ์ของ บ็อบ เพสลี่ย์ อีกหนึ่งตำนานผู้ยิ่งใหญ่ของสโมสร
จุดศูนย์กลางแห่งความทรงจำ: ฮิลส์โบโร่ แม้ภาพยนตร์จะเต็มไปด้วยความสำเร็จในสนาม แต่หัวใจที่แท้จริงของ “Kenny” กลับอยู่ที่โศกนาฏกรรมฮิลส์โบโร่ ปี 1989 และผลกระทบอันใหญ่หลวงที่มันมีต่อตัวดัลกลิช ทุกภาพ ทุกเสียง ทุกคำพูด ค่อยๆ นำพาผู้ชมไปสู่เหตุการณ์ในวันนั้นและผลลัพธ์ที่ตามมา
เราในฐานะผู้ชม (โดยเฉพาะแฟนบอลลิเวอร์พูล) ต่างรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่การได้เห็นรอยยิ้ม, ประตูสวยๆ หรือมุกตลกหน้าตายของเขาก่อนหน้านั้น มันกลับยิ่งสร้างความรู้สึก “บีบคั้น” ในหัวใจ เพราะเรารู้ว่ามีบางสิ่งที่เลวร้ายเกินจินตนาการกำลังรออยู่เบื้องหน้า
มาริน่า ภรรยาของเขา ก็ได้ร่วมถ่ายทอดความรู้สึกในวันนั้น โดยเฉพาะความหวาดกลัวที่ไม่รู้ว่า พอล ลูกชายของพวกเขาซึ่งอยู่ในสนามด้วย ปลอดภัยหรือไม่ และด้วยความเข้าใจในหัวอกของผู้สูญเสียนี้เอง ที่ทำให้ ดัลกลิช เลือกที่จะเข้าร่วมงานศพเกือบทุกงาน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเยียวยาเมืองลิเวอร์พูล ซึ่งมาริน่าเล่าว่ามันส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของสามีเธออย่างมาก แม้ว่าตัวดัลกลิชเองจะยังคงแสดงออกถึงความเข้มแข็งอยู่เสมอก็ตาม
บทสรุปที่ไม่ได้สมบูรณ์ แต่ลึกซึ้ง ภาพยนตร์เรื่องนี้ “จบลง” หลังจากเหตุการณ์ฮิลส์โบโร่ มันไม่ได้พาเราไปถึงวันที่เขาคว้าแชมป์ลีกกับแบล็คเบิร์น หรือการกลับมาคุมทีมลิเวอร์พูลคำรบสอง แต่นั่นไม่ใช่จุดประสงค์หลัก เพราะ “Kenny” ไม่ได้ต้องการเป็นแค่ชีวประวัติฉบับสมบูรณ์ แต่มันคือการพยายามทำความเข้าใจใน “สายใย” อันลึกซึ้งระหว่างนักฟุตบอลผู้เปี่ยมพรสวรรค์คนหนึ่ง กับเมืองที่รักเขามากกว่าแค่ถ้วยรางวัลที่เขาคว้ามาได้
นี่คือภาพยนตร์ที่แฟนบอลลิเวอร์พูลทุกคน “ต้องดู” และสำหรับแฟนฟุตบอลทั่วไป มันคือบทเรียนอันทรงคุณค่าเกี่ยวกับพลังของกีฬา, ความเป็นมนุษย์ และสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในยามวิกฤต
(ภาพยนตร์ Kenny จะเข้าฉายจำกัดโรงในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ วันที่ 29-30 ตุลาคม ก่อนจะลง Prime Video ในวันที่ 4 พฤศจิกายน)

