เบื้องหลังดีล “เอเซ่”: อาร์เซน่อล เลือกคนที่ “ขวาง” ดีลขึ้นคุมอำนาจสโมสร

BK8 – เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในบอร์ดบริหารระดับสูงของอาร์เซน่อล เมื่อ ทิม ลูอิส รองประธานบริหารผู้มีบทบาทสำคัญในการบริหารงานตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ได้อำลาสโมสรไปอย่างกะทันหัน และผู้ที่ก้าวขึ้นมาแทนที่ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ก็คือ ริชาร์ด การ์ลิค ซึ่งเรื่องราวเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงอำนาจครั้งนี้ สามารถย้อนรอยไปได้ถึงจุดแตกหักในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
ดีล “เอเซ่” จุดแตกหักของสองผู้บริหาร
ในช่วงท้ายของเดือนสิงหาคม อาร์เซน่อลได้รับโอกาสในการปาดหน้า ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เพื่อคว้าตัว เอเบเรชี่ เอเซ่ ปีกทีมชาติอังกฤษมาร่วมทีม ทิม ลูอิส ซึ่งเปรียบเสมือนซีอีโอของสโมสรในขณะนั้น มองว่าการเซ็นสัญญาครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะเมื่อทีมเพิ่งเสีย ไค ฮาแวร์ตซ์ ไปจากอาการบาดเจ็บ เขาจึงผลักดันดีลนี้อย่างเต็มที่
แต่ในทางกลับกัน แหล่งข่าววงในเปิดเผยว่า ริชาร์ด การ์ลิค ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ได้แสดงความกังวลต่อดีลนี้ โดยชี้ว่าค่าตัวมหาศาล 67.5 ล้านปอนด์ อาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฎการควบคุมค่าใช้จ่ายของทีม (Squad Cost Rule) ของยูฟ่าในอนาคต
สุดท้ายแล้ว ลูอิส เป็นฝ่ายชนะในการถกเถียงครั้งนั้น เขาโน้มน้าวให้ จอช โครเอนเก้ รองประธานสโมสรซึ่งกำลังพักร้อนอยู่ เห็นชอบกับดีลนี้ และอาร์เซน่อลก็ได้ตัว เอเซ่ มาร่วมทีมได้สำเร็จ… แต่หารู้ไม่ว่า นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
การเปลี่ยนแปลงที่น่าประหลาดใจและสุญญากาศแห่งอำนาจ?
เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากดีลเอเซ่ปิดฉากลง จอช โครเอนเก้ ก็ได้ส่งข้อความถึง ลูอิส ในช่วงเช้ามืด แจ้งความประสงค์ให้เขาลดบทบาทจากการบริหารงานรายวัน ไปเป็นกรรมการที่ไม่มีอำนาจบริหาร พร้อมลดเงินเดือนจาก 2 ล้านปอนด์ต่อปี เหลือเพียง 500,000 ปอนด์ ซึ่ง ลูอิส ได้ตอบปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว และนั่นหมายถึงการสิ้นสุดเส้นทาง 5 ปีของเขากับสโมสร ก่อนที่ในวันที่ 19 กันยายน อาร์เซน่อลจะประกาศแต่งตั้ง ริชาร์ด การ์ลิค ขึ้นเป็นซีอีโอคนใหม่อย่างเป็นทางการ
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สร้างความกังวลให้กับแหล่งข่าวหลายสายว่าอาจเกิด “สุญญากาศแห่งอำนาจ” ขึ้นในสโมสร เพราะตอนนี้ การ์ลิค ต้องรับผิดชอบงานถึงสองตำแหน่งในเวลาเดียวกัน ขณะที่ จอช โครเอนเก้ ก็ยังไม่มีแผนที่จะย้ายมาประจำการที่ลอนดอนอย่างเต็มตัว
ทำไมโครเอนเก้ถึงเลือก “การ์ลิค”? เบื้องหลังการเมืองลูกหนัง
ยังไม่มีความชัดเจนว่าเหตุใด โครเอนเก้ ถึงตัดสินใจหักดิบกับ ลูอิส แต่มีการคาดการณ์ไปในหลายทิศทาง บ้างก็ว่าโครเอนเก้ต้องการเข้ามามีอำนาจตัดสินใจโดยตรงมากขึ้น บ้างก็ว่าเป็นเพราะสไตล์การทำงานที่แข็งกร้าวของลูอิสกับสโมสรอื่นๆ
แต่ทฤษฎีที่น่าสนใจที่สุดคือ ท่าทีที่แข็งกร้าวของลูอิสที่มีต่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งมีเจ้าของเป็นกลุ่มทุนจากอาบูดาบี อาจสร้างปัญหาให้กับธุรกิจอื่นของตระกูลโครเอนเก้ เนื่องจากปัจจุบัน อาบูดาบีได้กลายเป็นพันธมิตรที่สำคัญอย่างยิ่งของลีกบาสเกตบอล NBA ซึ่งตระกูลโครเอนเก้เป็นเจ้าของทีม เดนเวอร์ นักเก็ตส์ อยู่ด้วย
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จึงอาจเป็นไปเพื่อลดแรงเสียดทานทางการเมือง แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ตอนนี้อำนาจการบริหารได้ตกอยู่ในมือของ ริชาร์ด การ์ลิค ชายผู้ยึดมั่นในกฎระเบียบและความรอบคอบ ซึ่งต้องจับตาดูต่อไปว่าทิศทางของอาร์เซน่อลภายใต้การนำของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป – แทงบอล